รีวิวเกมส์ God of war เป็นภาคต่อที่ทุกคนรอคอยมานาน ตั้งแต่ปี 2018 เป็นต้นมา Kratos กลับมาอีกครั้งพร้อมการผจญภัยครั้งใหม่ที่มีชะตากรรมของ 9 โลกเป็นเดิมพัน พร้อมกับสงคราม Ragnarok ครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น จะยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหน คุ้มค่ากับการรอคอยแค่ไหน มาดูรีวิว God of War Ragnarök กันเลย
เหตุการณ์ในภาคนี้เกิดขึ้น 3 ปีหลังจากภาคแรก หลังจากที่ Kratos สังหาร Baldur ก็เกิดเหตุการณ์ Fimbulwinter ขึ้น ส่งผลกระทบต่อทั้ง 9 อาณาจักร เพียงแค่ที่ Midgard ที่พวกเขาอาศัยอยู่ ก็ได้รับผลกระทบจากฤดูหนาวอันยาวนานถึง 3 ปี และสัญญาณของสงคราม Ragnarok ครั้งใหญ่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว พ่อลูกคู่นี้จะต้องหาวิธีหยุดยั้งเหตุการณ์นี้ให้ได้
การผจญภัยของพ่อลูกในภาคนี้จะไปในสถานที่ต่างๆ มากมายกว่าภาคแรก เพราะครั้งนี้เรื่องราวจะพาเราไปแทบทั้ง 9 มิติ โดยแต่ละสถานที่จะได้รับผลกระทบจาก Fimbulwinter ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป เช่น Midgard อยู่ในฤดูหนาว หรือ Svartalfheim จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งอื่น ๆ
เนื่องจากภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของตำนานเทพเจ้าแห่งนอร์ส มีเรื่องราวมากมายที่ยังไม่คลี่คลายจากภาคก่อน ภาคนี้จำเป็นต้องเล่าจนจบ อีกทั้งเนื้อเรื่องและเนื้อหาที่จะนำไปสู่จุดไคลแม็กซ์เองก็ใช้เวลานานพอสมควร ทำให้เกมนี้สำหรับคนที่ชอบเล่นเกมยาว ๆ บอกได้เลยว่าจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน แค่เนื้อหาหลักอย่างเดียวก็อาจจะยาวกว่า 20-30 ชั่วโมงแล้ว ถ้าอยากเล่นให้ครบทุกส่วน 100% อาจจะใช้เวลามากกว่านั้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ถ้าคิดแค่เนื้อเรื่องอย่างเดียว เกมก็ใช้เวลานานพอสมควร สำหรับคนที่มองหาเกมยาว ๆ บอกได้เลยว่าเกมนี้จะต้องถูกใจคุณอย่างแน่นอน
ในด้านฉากและกราฟิกแม้ว่าเกมนี้จะมีให้เล่นบน PS4 ด้วย แต่กราฟิกและงานศิลป์ก็ไว้ใจได้ ในภาคนี้เราจะได้เดินทางไปยังหลาย ๆ โลก ไม่ใช่แค่มิดการ์ดเหมือนภาคก่อน เราจะได้เจอกับสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย ทั้งแบบเปิด แบบแคบ และแบบปิด แต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยรายละเอียดต่างๆ การออกแบบฉากไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังได้รับการออกแบบมาให้ทีมสามารถค้นหาและใส่ปริศนาและปริศนาที่สร้างสรรค์เข้าไปได้ด้วย บางคนอาจคิดว่ามันยาก แต่ถือว่าเป็นฉากไขปริศนาที่สร้างขึ้นมาอย่างดีสำหรับเราในการเล่น ในขณะที่ยังคงใช้อาวุธของ Kratos ทั้งสองอย่าง ได้แก่ Leviathan Axe หรือ Blade of Chaos คุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะใช้ได้ทั้งสองอย่าง
เมื่อเกมฆ่าเทพถึงคราวเปลี่ยนแปลง รีวิวเกมส์ God of war
เกม God Of War บน PS4 เป็นเหมือนการยกเครื่องและเริ่มต้นใหม่ของซีรีส์ ทำให้ทาง Sony ไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของตอนดังกล่าว ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเป็นภาคต่อที่ถูกพูดถึงบ้างแต่ก็ไม่มากนัก ดังนั้นหากคุณไม่เคยเล่น God Of War มาก่อน คุณสามารถเริ่มเล่นตอนนี้ได้เลย อย่างที่ทราบกันว่าในตอนนี้ Kratos ได้ย้ายไปใช้ชีวิตในดินแดนแห่งเทพนิยายนอร์ส (โอดิน, ธอร์ และโลกิ) แต่เรื่องราวอาจจะไม่ได้นำเสนอออกมายิ่งใหญ่อลังการเหมือนตอนก่อนๆ เรื่องราวจะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของพ่อลูกมากกว่า ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเราจะได้เห็น Kratos ในมุมมองที่อ่อนโยนอย่างเหลือเชื่อ
การเล่าเรื่องถือว่าดี ไม่เว่อร์วังอลังการ และมีเซอร์ไพรส์ตลอดทั้งเกม แน่นอนว่าซีรีส์ God Of War ถือเป็นจุดเด่นมาโดยตลอดในแง่ของกราฟิกและการนำเสนอ ซึ่งในตอนนี้การที่วางจำหน่ายบน PS4 ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น ทั้งฉากต่างๆ ดูดีขึ้นและกว้างขึ้นกว่าตอนก่อนๆ และสิ่งที่ต้องยกย่องที่สุดคือกราฟิกของตัวละครที่สมจริงราวกับมีชีวิต และยังรวมถึงรายละเอียดทั้งการแสดงออกทางอารมณ์และกราฟิกเกมเพลย์ไม่ใช่ CG ถือเป็นหนึ่งในเกมที่มีกราฟิกดีที่สุดบน PS4 ในส่วนของการเล่าเรื่องด้วยเอฟเฟกต์เสียงเกมยังให้ความสำคัญกับการพากย์เสียงด้วย เพลงประกอบยังช่วยเสริมการเดินทางสู่ดินแดนใหม่ที่เต็มไปด้วยปริศนาให้ดูดีไม่มีที่ติรีวิวเกมส์ God of war
อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมเพลย์ในภาคนี้ได้ถูกเปลี่ยนมาเป็นเกมแนวแอคชั่น RPG ทำให้ทุกอย่างในเกมถูกยกเครื่องใหม่หมด ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องที่ปรับได้รอบทิศทาง เกมเพลย์เน้นมุมมองบุคคลที่สามที่มองผ่านไหล่มากขึ้น ซึ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบเพราะเราต้องใช้เทคนิคมากมายในการเล่น ทั้งการใช้อาวุธโจมตี หลบและใช้โล่ปัดป้องและสวนกลับ และยังมีท่าพิเศษที่ต้องค่อยๆ สะสมแต้มพลังไปเรื่อยๆ ส่วนโลกในเกมแม้จะกว้างแต่ก็ไม่ใช่โลกเปิดซะทีเดียวเพราะยังมีข้อจำกัดของฉากอยู่บ้างแต่ก็ค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร อย่างไรก็ตามไม่ต้องกลัวหลงทาง เพราะเกมนี้มีระบบนำทางที่เรียบง่ายแต่ดูดี
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเกมคือ Atreus ลูกชายของ Kratos ที่พกอาวุธเป็นธนูและมีด ซึ่งถือเป็นตัวช่วยที่สำคัญมาก เพราะ Atreus สามารถช่วยโจมตีเราด้วยคำสั่งปุ่มเดียวที่ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพ อีกทั้งไม่ต้องกังวลเพราะ Atreus ไม่ตายสนิท เขาแค่เสียจังหวะและไม่สามารถช่วยเราต่อสู้ได้ ส่วนอาวุธธนูก็มีหลายประเภท แบ่งเป็นธาตุต่างๆ พร้อมท่าพิเศษต่างๆ และสามารถอัปเกรดได้ นอกจากลูกชายของเราจะได้ร่วมต่อสู้แล้ว เรายังต้องไขปริศนาในเกมอีกด้วย เพราะลูกชายของเราสามารถใช้ธนูเปิดทางและใช้ร่างเล็กๆ ของเขาคลานเข้าไปในพื้นที่แคบๆ ได้
ปริศนาในเกม
ขอบอกเลยว่าเกมนี้จะเน้นไปที่ปริศนาและการต่อสู้มากกว่า และรูปแบบเกมจะคล้ายๆ กับเกมแอคชั่น RPG มากกว่า ไม่มีปริศนาแบบง่ายๆ เหมือนเกม God Of War ในอดีต ต้องคิดหนักกว่าเดิมหลายเท่า เรียกได้ว่าดีเทียบเท่าเกม Zelda ภาคก่อนๆ เลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าฉากและการไขปริศนาอาจจะไม่เข้มข้นเท่า Zelda แต่ถ้ามองในฐานะเกม God Of War ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยมและลงตัว ผู้เล่นจะสามารถกลับไปเล่นฉากเก่าๆ ได้เมื่อได้ไอเทมใหม่ๆ ที่เปิดทางให้เล่นต่อได้ ทำให้สามารถสนุกกับเกมได้นานหลายสิบชั่วโมงโดยไม่เบื่อ นอกจากนี้ยังมีเควสต์เสริมอีกมากมายรอให้เราค้นหา นอกจากนี้ยังมีระดับความยากให้เลือกเล่นอีกด้วย บอกได้เลยว่าแค่เลือกระดับปกติก็ค่อนข้างท้าทายแล้ว
ส่วนการปรับแต่งตัวละคร บอกตรงๆ ว่าละเอียดกว่าภาคก่อนมาก เพราะเราต้องหาชุดเกราะและอุปกรณ์ป้องกันใหม่ๆ ให้กับตัวเองและลูกชาย ในส่วนของอาวุธหลักนั้นเราสามารถอัพเกรดได้อย่างละเอียดมากขึ้นเพราะไม่เพียงแต่จะเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่ยังมีค่าพลังที่ละเอียดแทบจะเทียบเท่ากับเกม RPG ที่ดีเลยทีเดียว อีกทั้งยังมองเห็นได้ง่ายเพราะเมนูไม่ซับซ้อน และเมื่อเราอัพเกรดอาวุธก็จะได้รับสกิลใหม่ให้ปลดล็อค ทั้งอาวุธและการป้องกันจะส่งผลต่อค่าพลังของตัวละครอย่างละเอียดรีวิวเกมส์ God of war
ตัวเกมนั้นสมบูรณ์แบบเกือบ 100% ข้อตำหนิเล็กน้อยเพียงข้อเดียว (เล็กน้อยจริงๆ) ก็คือช่วงท้ายเกมมีไอเดียง่ายๆ มากเกินไปในการเล่น เช่น การกำจัดศัตรูทั้งหมดในฉาก แต่นั่นไม่ได้ทำให้ God Of War มีค่าลดลงแต่อย่างใด (และยังได้รับ 10 คะแนนเต็มอีกด้วย) เพราะยังคงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นชมที่ผู้สร้างกล้าที่จะนำเสนอรูปแบบการเล่นใหม่ให้กับซีรีส์แอคชั่นเพื่อให้คุ้มค่าต่อการเล่นมากขึ้น และสมควรที่จะเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในปี 2018 อย่างแน่นอน